สธ. เฝ้าระวังการระบาดของโรคไข้ลาสซาใกล้ชิด แนะผู้ที่จะเดินทางไปแถบแอฟริกาตะวันตกขอให้ระวังเป็นพิเศษ
นพ.อัษฎางค์ รวยอาจิณ รองอธิบดีและโฆษกกรมควบคุมโรค กล่าวว่าจากที่มีรายงานข่าวการระบาดของโรคไข้ลาสซา หรือ โรคไข้เลือดออกลาสซาในประเทศแถบแอฟริกาตะวันตก นั้น องค์การอนามัยโลกรายงานสถานการณ์ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 29 เม.ย. 61 มีผู้ป่วยที่ยืนยันแล้ว 420 ราย เสียชีวิต 106 ราย ขณะนี้ยังคงมีการระบาดเฉพาะในประเทศไนจีเรียและไรบีเรีย เท่านั้น ยังไม่มีรายงานการระบาดในพื้นที่อื่น
โรคไข้ลาสซา จัดอยู่ในตระกูลเดียวกับโรคอีโบลา โรคนี้ติดต่อจากการที่คนหายใจเอาละอองของเสียที่หนูขับถ่ายออกมา เช่น ปัสสาวะ และอุจจาระ เข้าไป หรือการกินอาหารหรือการใช้ภาชนะที่มีการปนเปื้อนเชื้อ หรือติดเชื้อทางแผล/เยื่อเมือกบุผิว ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะไม่แสดงอาการ ทั้งนี้ อาการของโรคไข้ลาสซา คือ มีไข้ ไข้จะยังคงมีอยู่ตลอด หรืออาจไข้สูงเป็นระยะปวดศีรษะ เจ็บคอ ไอ ปวดกล้ามเนื้อ คลื่นไส้ อาเจียน อุจจาระร่วง เจ็บหน้าอกและปวดบริเวณช่องท้อง อ่อนเพลียผู้ที่เดินทางไปยังพื้นที่มีการระบาด หากเริ่มมีอาการดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์และรับการรักษาทันที ควรรักษาตามอาการ เพราะไม่มียารักษาเฉพาะ และยังไม่มีวัคซีนในการป้องกันโรควิธีป้องกันโรคไข้ลาสซา ได้แก่ 1.ดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลเป็นพิเศษ โดยหมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ ควรล้างทำความสะอาดภาชนะที่ใช้ เพื่อลดความเสี่ยงต่อการรับเชื้อโรค
กระทรวงสาธารณสุข โดยกรมควบคุมโรคมีการเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และสั่งการให้มีการเตรียมพร้อมที่ด่านควบคุมโรคระหว่างประเทศถึงแม้จะยังไม่มีรายงานผู้ป่วยในประเทศไทยสำหรับนักท่องเที่ยวหลังจากกลับจากพื้นที่ที่มีความเสี่ยง หากมีอาการไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บหน้าอก ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ให้รีบพบแพทย์ เพื่อรับการตรวจรักษา แจ้งประวัติการเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยงประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422 |