Healthnews

อย่าชะล่าใจ!เข้าฤดูไข้หวัดใหญ่ระบาด ครึ่งปีแรก ป่วยกว่า 6.5 หมื่นราย แนะ 7 กลุ่มเสี่ยงควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันฯ

         นายแพทย์สุวรรณชัย  วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.–9 ก.ค.2561 มีรายงานผู้ป่วย 65,287 ราย เสียชีวิต 9 ราย จังหวัดที่มีอัตราป่วยต่อประชากรแสนคนสูงสุด 5 อันดับแรกคือ เชียงใหม่ กรุงเทพมหานคร พะเยา ระยอง และอุตรดิตถ์  อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจำนวนผู้ป่วยในปีนี้จะน้อยกว่าปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน แต่ก็ยังสูงกว่าค่ามัธยฐาน 5 ปีย้อนหลัง โดยพบผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่เป็นกลุ่มก้อนในสถานที่ที่คนอยู่หนาแน่น เช่น โรงเรียน เรือนจำ ค่ายทหาร และวัด เป็นต้น

            “การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพประจำสัปดาห์ (วันที่ 15 – 21 ก.ค. 61) คาดว่าในช่วงนี้จะมีผู้ ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้น เนื่องจากกำลังเข้าสู่ฤดูกาลระบาดของโรค ประกอบกับช่วงนี้สภาพอากาศแปร ปรวน ร้อนสลับฝนตก ร่างกายอาจปรับตัวไม่ทันทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย  กรมควบคุมโรค ขอแนะนำว่า ในสถานที่ที่คนอยู่หนาแน่น เช่น โรงเรียน ค่ายทหาร เรือนจำ ควรมีการคัดกรองผู้ที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น ไข้ ไอ น้ำมูก ปวดกล้ามเนื้อ หากพบควรแยกผู้ป่วยทันที รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคล ไม่ใช้ของใช้ส่วนบุคคลร่วมกับผู้อื่น เช่น ช้อน แก้วน้ำ ผ้าเช็ดตัว ทำความสะอาดสิ่งของที่มีการใช้ร่วมกันทุกวัน เช่น ลูกบิดประตู ปุ่มเปิดปิดไฟ-พัดลม และใช้หน้ากากอนามัยปิดปากปิดจมูก ล้างมือเป็นประจำด้วยน้ำและสบู่  

            ขอให้ประชาชนดูแลสุขภาพของตนเองและคนในครอบครัว  โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง ได้แก่ 1.หญิงตั้งครรภ์ อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป 2.เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี 3.ผู้มีโรคเรื้อรัง(ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน) 4.บุคคลที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป 5.ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ 6.โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง (รวมผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่มีอาการ) 7.โรคอ้วน (น้ำหนักตัวมากกว่า 100 กิโลกรัม หรือ ดัชนีมวลกายมากกว่า 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร) ควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่เพื่อลดความรุนแรงของโรค และลดโอกาสในการนอนโรงพยาบาล โดยขอรับการปรึกษาจากแพทย์ในสถานบริการสาธารณสุขใกล้บ้านท่าน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว