วันศุกร์, พฤษภาคม 17, 2024
Featured Storiesnews

คร.แนะ 8 วิธีเอาตัว(ให้)รอดเมื่อต้องขับขี่ฝ่าพายุฝน

          นายแพทย์สุวรรณชัย  วัฒนายิ่งเจริญชัย  อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากรายงานของกรมอุตุนิยมวิทยา คาดการณ์ว่าในช่วง 21-23 มี.ค.นี้ หลายพื้นที่จะมีพายุฝนฟ้าคะนองและมีฝนตกหนักในบางแห่งพร้อมกับมีลมกระโชกแรง  กรมควบคุมโรค จึงขอให้ประชาชนระมัดระวังอันตรายในช่วงฝนตกหนัก โดยเฉพาะการขับขี่ยานพาหนะ เนื่องจากฝนที่ตกลงมาจะทำให้ถนนเปียกลื่น และทัศนวิสัยในการมองเห็นไม่ดี รวมถึงฝนที่ตกหนักนี้อาจทำให้ถนนและในบางพื้นที่มีน้ำท่วมขังได้

กรมควบคุมโรค ขอแนะนำผู้ขับขี่ควรปฏิบัติ 8 วิธี ดังนี้ 1. จอดรถในบริเวณที่ปลอดภัยเมื่อต้องขับรถขณะฝนตกหนัก หรือทัศนวิสัยไม่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งรถจักรยานยนต์ที่เสี่ยงเมื่อขับขี่ขณะมีฝนฟ้าคะนอง 2.เปิดไฟหน้ารถเสมอ โดยเปิดไฟต่ำ เพื่อช่วยให้มองเห็นสิ่งต่างๆ บนถนนได้ชัดเจนขึ้น และให้รถคันอื่นมองเห็นรถได้จากระยะไกล  3.เปิดใบปัดน้ำฝน โดยปรับระดับความเร็วของใบปัดน้ำฝนให้สัมพันธ์กับความแรงและปริมาณฝนตก  4.ลดความเร็ว เพื่อเพิ่มความระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษ  5.ให้ทิ้งระยะห่างจากคันหน้า เพราะสภาพถนนที่เปียกลื่น ต้องใช้ระยะทางในการหยุดรถเพิ่มขึ้น 6.หลีกเลี่ยงการแซง แต่หากจำเป็นต้องประเมินสถานการณ์ ระยะทางข้างหน้า 7.รถลื่นไถลหรือเหินน้ำ ห้ามเหยียบเบรกจนล้อหยุดหมุนในทันที เพราะอาจทำให้รถพลิกคว่ำได้ ควรลดความเร็ว ใช้เกียร์ต่ำ จนกว่ารถจะทรงตัวได้ แล้วจึงค่อยเหยียบเบรกเพื่อหยุดรถ และ 8.เมื่อต้องขับรถผ่านน้ำท่วมขัง ให้หยุดประเมินสถานการณ์ หากระดับน้ำลึกสูงกว่าขอบประตูรถ ไม่ควรขับฝ่าไป ควรเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่น ทั้งนี้ หากพบเห็นผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ ขอให้โทรแจ้งขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพทันที โทร. 1669 

นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ ช่วงที่มีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ขอให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ มีความเสี่ยงที่จะเกิดฟ้าผ่าได้ สำหรับการป้องกันอันตรายจากการถูกฟ้าผ่า โดยขอให้หลีกเลี่ยงอยู่กลางแจ้ง ควรหลบในตัวอาคารที่ติดตั้งสายล่อฟ้า ไม่ควรใช้โทรศัพท์   เปิดคอมพิวเตอร์ เล่นอินเตอร์เน็ต ดูโทรทัศน์ ฟังวิทยุ เป็นต้น และหลีกเลี่ยงการใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด เพราะกระแสไฟจากฟ้าผ่าอาจไหลผ่านเครื่องใช้ไฟฟ้า

สำหรับการช่วยเหลือผู้ถูกฟ้าผ่าต้องช่วยอย่างรวดเร็ว โดยประเมินความปลอดภัยของที่เกิดเหตุ และโทรขอความช่วยเหลือจากทีมแพทย์กู้ชีพ โทร 1669 โดยแจ้งข้อมูลผู้ถูกฟ้าผ่าและสถานที่เกิดเหตุ อาจเคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกจากสถานที่โดนฟ้าผ่าไปยังที่ปลอดภัย  ทั้งนี้ ประชาชนสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน  กรมควบคุมโรค โทร. 1422