newsRoyal News

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยเจ้าหน้าที่และราษฎร จากความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้

วันจันทร์ที่ 29 สิงหาคม 2565  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ ให้นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี และคณะฯ เชิญสิ่งของพระราชทาน จำนวน 1,380 ถุง ไปมอบแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานหน่วยงานความมั่นคง ได้แก่ หน่วยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 43, กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 432, กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 433, ทหารหน่วยเฉพาะกิจสงขลา, ทหารหน่วยเฉพาะกิจสงขลา 40, ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลาส่วนหน้า, และอาสาสมัครรักษาดินแดน ปฏิบัติหน้าที่ 4 อำเภอ จังหวัดสงขลา ประกอบด้วย อำเภอนาทวี, อำเภอจะนะ, อำเภอเทพา, อำเภอสะบ้าย้อย เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบสร้างความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดน และสร้างความมั่นคงแก่ประเทศชาติ พร้อมกันนี้ องคมนตรี ได้พบปะพูดคุย พร้อมกับเชิญพระราชกระแส ทรงห่วงใยและกำลังใจ กล่าวแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในครั้งนี้

จากนั้น องคมนตรี และคณะฯ เดินทางไปยังวัดนาทวี อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา เพื่อถวายเครื่องไทยธรรมพระราชทานแด่พระสงฆ์ จำนวน 10 รูป ในการนี้พระสงฆ์ ได้ร่วมสวดมนต์ถวายพระพรชัยมงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

วัดนาทวีสร้างขึ้นตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2360 เดิมเป็นที่ดินของนายยอดทอง ซึ่งได้รับการแต่งตั้งจากเมืองจะโหน่งให้ดำรงตำแหน่งหัวเมือง หรือเท่ากับนายอำเภอ ก่อนหน้านี้มีวัดอยู่วัดหนึ่งซึ่งอยู่ไกลออกไปมีนามว่า วัดนาหว้า ประมาณ ปี พ.ศ.2336 วัดนาหว้า ถูกข้าศึกตีเมืองแล้วเผาวัดเสียหาย ประชาชนต้องการจะสร้างวัดใหม่ใกล้ๆหมู่บ้านอีกวัดหนึ่ง นายทองหัวเมือง จึงนำความไปปรึกษากับเจ้าคณะหมวดที่เมืองจะนะ ตกลงสร้างวัดขึ้นใหม่ในที่ดินของตนเองแล้วนิมนต์พระสัน สนุตจิตฺโต จากวัดนาหว้ามาอยู่ จำพรรษาและนำชาวบ้านดำเนินการสร้างวัด วัดนาทวีเป็นศาสนสถานที่เป็นศูนย์รวมจิตใจ เป็นกลไกสําคัญในการส่งเสริมด้านคุณธรรม  จริยธรรมให้แก่เด็ก เยาวชนและประชาชนทั่วไป ในการอบรมกล่อมเกลาสมาชิกในชุมชน และยังเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชน เป็นสถานที่จัดกิจกรรมที่ให้ความรู้ด้านศีลธรรมประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามแก่เยาวชนและประชาชนในพื้นที่

ในช่วงบ่าย องคมนตรี และคณฯ เดินทางไปยังมัสยิดบ้านพลีใต้ อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา เพื่อเชิญสิ่งของพระราชทานแก่โต๊ะอิหม่าม จำนวน 15 ถุง โอกาสนี้โต๊ะอิหม่าม ผู้นำศาสนา และราษฎร ร่วมสวดดูอาร์ เพื่อถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิตติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง

มัสยิดบ้านพลีใต้ เป็นศูนย์กลางของชุมชน ซึ่งนอกจากจะเป็นสถานที่ประกอบศาสนกิจแล้ว ยังมีบทบาทสําคัญต่อการพัฒนาสังคมคือเป็นสถานที่อบรมจิตใจ เป็นแหล่งการศึกษาหาความรู้ ของเยาวชน จึงเป็นตัวแทนสําคัญในการพัฒนาชุมชนโดยผ่านบทบาทการบริหารของอีหม่าม คอเต็บ บิหลั่น และคณะกรรมการมัสยิด ก่อให้เกิดเป็นผลดีโดยภาพรวมของสถาบันหลัก ทั้ง 6 สถาบัน อันได้แก่ สถาบันครอบครัว สถาบันการปกครอง สถาบันศาสนา สถาบันการศึกษา สถาบันเศรษฐกิจ และสถาบันนันทนาการ ศาสนาอิสลามซึ่งมีมัสยิดเป็นศาสนสถานและมีอีหม่าม คอเต็บ บิหลั่น และคณะกรรมการมัสยิดเป็นผู้นำชุมชนเป็นสถาบันที่มีระบบหนึ่งในสังคมไทย ดังนั้นหากระบบนี้ทำงานได้ดี มีประสิทธิภาพตามศาสนาบัญญัติ ย่อมส่งผลดีที่สัมพันธ์เกี่ยวเนื่องไปยังสถาบันอื่นๆ เช่น ครอบครัว การศึกษา ฯลฯ และจะส่งผลไปถึงระบบใหญ่คือประเทศชาติ

ต่อจากนั้น องคมนตรี และคณะฯ เดินทางไปยัง กองร้อยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 433 อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา เพื่อพบปะและเชิญสิ่งของพระราชทานมอบแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานหน่วยงานความมั่นคง จำนวน 65 ถุง โดยกองร้อยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนที่ 433 มีพื้นที่รับผิดชอบ 7 ตำบล ประกอบด้วย ตำบลป่าชิง, ตำบลนาหว้า, ตำบลนาทับ, ตำบลคลองเปียะ, ตำบลน้ำขาว, ตำบลแค, ตำบลจะโหนง รวมทั้งหมด 75 หมู่บ้าน มีพื้นที่ประมาณ 251 ตารางกิโลเมตร ติดชายฝั่งทะเล 11 กิโลเมตร มีเส้นทางหลักที่หน่วยรับผิดชอบ 2 เส้นทาง ถนนเส้น 43 รอยต่อนาหม่อม ถึง แยกนกเขา อำเภอจะนะ และถนนเส้น 408 จาก แยกวัดขุนทองรอยต่อ จังหวัดสงขลา ถึง รอยต่อนาทวี อำเภอนาทวี และมีเส้นทางรถไฟ 1 เส้นทาง

จากนั้น คณะฯ เดินทางไปยังฐานปฏิบัติการชุดเฝ้าตรวจที่ 4305 อำเภอนาทวี จังหวัดสงขลา เพื่อพบปะและเชิญสิ่งของพระราชทานมอบแก่กำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ จำนวน 30 ถุง โดยมีพื้นที่แนวชายแดนทั้งหมด 8 หมู่บ้าน ได้แก่ บ้านประกอบตก, บ้านป่ากัน(บ้านย่อยบ้านประกอบตก), บ้านประกอบออก, บ้านทุ่งเปรียง, บ้านหนำนา (บ้านย่อยบ้านทุ่งเปรียง), บ้านวัด, บ้านใหม่ และบ้านเกาะไม้ใหญ่

ขอบคุณกองประชาสัมพันธ์ สำนักงาน กปร.